อาชีวะพ่นพิษ"นริศรา"เช็คบิล"ธีรพัฒน์"แฉทำเอกสารลาราชการปลอม บี้ สอศ.ฟันวินัย
แฉจนงานเข้า!! “ธีรพัฒน์” อุปนายกสมาคมครูอาชีวะ เจอคุรุสภาสอบพบปลอมเอกสารลาราชการเพียบ “นริศรา” ได้ทีสั่งแจงข้อมูลยิบ จี้ สอศ.ฟันวินัย โยนใช้วิจารณาญาณเชื่อคนเช่นนี้ได้หรือไม่ ขณะที่อดีตเลขาฯ ร้อนแทนปัดนายสั่งเช็คบิล อ้างทำตามเรื่องร้องเรียน วันนี้(22 ม.ค.) นายณรงค์ฤทธิ์ มะลิวัลย์ รองเลขาธิการคุรุสภา เปิดเผยว่า น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคุรุสภา เรื่องให้ตรวจสอบพร้อมจัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการปลอมเอกกสารราชการ ที่มีลายเซ็นนายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา ของนายธีรพัฒน์ คำคูบอน อาจารย์วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง ในฐานะประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย ในการมาประชุม ซึ่งในฐานะที่รับผิดชอบสำนักอำนวยการ ทางสำนักงานคุรุสภา ก็ได้รับหนังสือจาก วิทยาลัยอาชีวเสาวภา ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.52 เพื่อให้ตรวจสอบเอกสารที่มีทั้งหมด 8 เรื่องว่าเป็นเอกสารจริงและออกจากสำนักงานคุรุสภาหรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานคุรุสภาได้ตรวจสอบตามที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ส่งมาให้และตอบกลับไปตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.52 แล้วโดยพบว่า หนังสือให้ตรวจสอบทั้งหมดนั้นเป็นหนังสือที่ไม่ได้ออกจากสำนักงานคุรุสภา และผู้ลงนามซึ่งเป็นเลขาธิการคุรุสภา ก็ไม่ใช่ลายเซ็นของเลขาฯ คุรุสภา น.ส. นริศรา กล่าวว่า เนื่องจากมีการขอข้อมูลความจริงว่ามีข้าราชการครูขาดราชการจำนวน 82 วัน โดยมีการอ้างอิงจากคุรุสภาว่า ไปทำหน้าที่ปฏิบัติราชการ เรื่องนี้ตนได้ทำหนังสือออกไป 4 ส่วนเพื่อหาความจริงว่านายธีรพัฒน์ คำคูบอน เป็นบุคคลที่ทำหนังสือราชการเป็นเท็จจริงหรือไม่ โดยส่งหนังสือตรวจสอบไปที่คุรุสภา ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวเสาวภา ต้นสังกัดในขณะนั้น ซึ่งได้มีการสอบสวนเกิดขึ้นแล้ว อีกทั้ง วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นต้นสังกัดปัจจุบัน ก็มีหนังสือตอบกลับมาแล้วว่ามีการขอตัวจากคุรุสภา ในตลอดเวลา 6 เดือนที่นายธีรพัฒน์ย้ายไปกว่า 67 ฉบับ ซึ่งทางวิทยาลัยการอาชีพบางปะกง ก็จะทำหนังสือให้คุรุสภาตรวจสอบอีกครั้ง ว่าจะเอกสารเท็จเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ อย่างไรก็ตามเรื่องทั้งหมดได้มีการสอบสวนขั้นต้นแล้วตั้งแต่ในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) สมัยนายเฉลียว อยู่สีมารักษ์ เป็นเลขาธิการ ซึ่งได้ข้อสรุปจากคณะกรรมการโดยพบมูลความผิดว่านายธีรพัฒน์ ขาดราชการ 82 วัน และแสดงเอกสารราชการปลอมต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อขออนุญาติไปราชการซึ่งถือว่ามีความผิดทางวินัย “การดำเนินการทางวินัยก็อยู่ที่ทางอาชีวะว่าจะดำเนินการอย่างไรซึ่งขณะนี้ได้ทำหนังสือไปยังนายพรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา เลขาฯ กอศ.คนปัจจุบัน แล้วในส่วนของผลสรุปการดำเนินการแต่ยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว อย่างไรก็ตามได้ให้เวลา 7 วันในการส่งหนังสือกลับมา เพราะทราบมาว่าผลสอบของอาชีวะได้ข้อสรุปเสร็จตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.ปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย ซึ่งที่ผ่านมานายธีรพัฒน์ อยู่ที่วิทยาลัยอาชีวเสาวภาตั้งแต่ พ.ค.50 ถึง มี.ค.52 หรือกว่า 2 ปี ก็ได้ลาราชการไปแล้ว 374 วัน” รมช.ศธ. กล่าว เมื่อถามว่ามองว่าข้อมูลต่างๆ ที่นายธีรพัฒน์ ออกมาเปิดเผยน่าเชื่อถือได้หรือไม่นั้น น.ส.นริศรา กล่าวว่า แล้วแต่จะพิจารณา เพราะทำอะไรก็ตั้องมีหลักฐานชัดเจน ถ้ามีข้อมูลมาให้ก็ยินดี แต่กลับให้ข้อมูลผ่านสื่อ ออกมาพูดเอง ก็ต้องตรวจสอบว่าน่าเชื่อถือแค่ไหนกับพฤติกรรมที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ก็อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน อย่างไรก็ตามขอทวงถามไปยังผู้บังคับบัญชาว่ากรณีที่ผลสอบมีมูล มีผลสรุป จะทำอย่างไรต่อไป ต้องดำเนินการทางวินัยโดยไม่มีการละเว้นหรือไม่ เมื่อถามว่าอาจมองได้ว่าการออกมาในเรื่องนี้เป็นการสั่งเช็คบิลของรัฐมนตรีหรือไม่นั้น น.ส.นริศรา กล่าวว่า คิดอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องมีการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ น.ส.นริศราตอบคำถามอยู่นั้น นพ.สุทธิชัย จันทร์อารักษ์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ได้ขอตอบคำถามแทนว่า เมื่อเข้ามาทำงานเป็นเลขาฯ ประมาณ 1 เดือน ก็ได้รับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับนายธีรพัฒน์ จำนวนมาก อาทิ การไปทำหน้าที่ส.ส.ครู มีการวิ่งเต้นโยกย้ายครู การรับเงินค่าสอนล่วงเวลาแต่ไม่ทำการสอน เป็นต้น ซึ่งหนังสือร้องเรียนดังกล่าว ตนได้ทำบันทึกถึงเลขาฯ กอศ. ทราบเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงไม่เกี่ยวกับ น.ส.นริศรา เลย แต่เป็นการดำเนินการตรวจสอบตามหนังสือร้องเรียนเท่านั้น น.ส.นริศรา กล่าวด้วยว่า สำหรับคณะกรรมการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่ตั้งขึ้นมาใหม่ อีก 2 ชุด นั้นจะสามารถดำเนินการได้ในวันจันทร์(25 ม.ค.) นี้ โดยในส่วนของตัวแทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ก็ได้แจ้งชื่อมาแล้ว 2 คน จากนั้นจะเริ่มสอบ และจะรีบสรุปให้สำนักงบประมาณ เพื่อการขยายเวลายื่นครุภัณฑ์อาชีวะ และให้รมว.ศธ. ทำเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขยายเวลาออกไป ทั้งนี้อยู่ที่ความร่วมมือของอาชีวะด้วย ด้านนายองค์กร อมรสิรินันท์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า กำลังปรึกษานักกฎหมายว่าจะดำเนินการอย่างไร ที่ตนยังไม่ฟ้องในทันทีเพราะต้องการให้ความเป็นธรรม เนื่องจากยังไม่รู้แน่ชัดว่าคนปลอมลายเซ็นเป็นนายธีรพัฒน์หรือไม่ อาจเป็นคนอื่นที่ทำขึ้นเพื่อหวังผลให้ตนกับนายธีรพัฒน์ทะเลาะกัน จึงต้องตรวจสอบให้มั่นใจก่อน อนึ่ง นายธีรพัฒน์ ได้ออกมาเปิดโปงว่า การจัดซื้อครุภัณฑ์ของ สอศ.ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งมีความไม่ชอบมาพากล โดยมีรายการครุภัณฑ์ที่ทางวิทยาลัยบางแห่งไม่ต้องการแต่ได้รับการจัดสรรให้ และครุภัณฑ์บางรายการมีราคาแพงเกินจริง จน น.ส.นริศรามีคำสั่งระงับการการจัดซื้อจัดจ้างตามโครงการดังกล่าว และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้สรุปว่ามีแนวโน้มว่าจะมีการฮั้วประมูลหรือเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนจริง อีกทั้ง กรรมาธิการการศึกษาฯ วุฒิสภา ได้ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ และเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าการเปิดเผยข้อมูลการกระทำผิดของนายธีรพัฒน์อาจเกี่ยวข้องกับการออกมาแฉเรื่องครุภัณฑ์ SP2
"ธีรพัฒน์"สวนไม่เคยปลอมหนังสือราชการ แขวะนริศรากินปูนร้อนท้อง
“ธีรพัฒน์” สวนทันควันยันไม่เคยปลอมหนังสือราชการ ย้อนเรื่องเกิดตั้งนานทำไมเพิ่งขุดมาเล่นงานตอนแฉ SP2 อาชีวะ เผยคุรุสภาไม่เคยส่งเรื่องให้ทราบ เพื่อแจงข้อกล่าวหา แขวะ “นริศรา” กินปูนร้อนท้อง ขู่ฟ้องกลับฐานทำให้เสียชื่อ วันนี้(22 ม.ค.) นายธีรพัฒน์ คำคูบอน อาจารย์วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ในฐานะประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคุรุสภา ออกมาระบุว่ามีการปลอมหนังสือราชการ พร้อมทั้งปลอมลายเซ็นเลขาธิการคุรุสภาเพื่อใช้ในการลาราชการ ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมากกว่า 2 ปีแล้ว และยังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าเป็นฝีมือใคร เพราะที่ผ่านมามีแต่การตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่เข้าสู่กระบวนการดำเนินการทางวินัยใดๆ ทั้งสิ้น จึงอยากถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาตั้งนานแต่ทำไมเพิ่งมาขุดคุ้ยในช่วงที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลถึงปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ งบ SP2 ของอาชีวะ ซึ่งดูเหมือนว่า น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศธ. จะกินปูนร้อนท้องไปเองหรือไม่ที่สั่งให้เร่งดำเนินการเอาผิดตน เพราะถึงอย่างไรการที่ตนออกมาต่อสู้เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างของอาชีวะ ก็ยังไม่ได้ไปกล่าวหาใคร หรือแม้แต่เอ่ยชื่อ เพียงแต่ให้ข้อมูลเรื่องความผิดปกติของสเปกครุภัณฑเท่านั้น “ถ้าผมปลอมเอกสาร และปลอมลายเซ็นจริงก็ต้องแปลว่าที่ผ่านมาต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะการปลอมลายเซ็นถือเป็นความผิดทางอาญา ผู้เสียหายสามารถแจ้งความเอาผิดได้ แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ เลย นอกจากนี้คุรุสภาเองทำไมไม่รายงานให้ผมทราบ ผมเป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการรายงานให้ทราบ เพื่อที่ผมจะได้เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ตอนนี้พูดอยู่ข้างเดียวว่าผมปลอม มีการพิสูจน์หรือยังว่าผมเป็นคนทำจริงๆ” นายธีรพัฒน์ กล่าว นายธีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้ทำ และไม่รู้เห็นด้วยว่าเรื่องดังกล่าวมาจากไหน ใครทำ ทั้งนี้ตนจะดำเนินการฟ้องร้องผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ซึ่งทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะเรื่องราวต่างๆ ยังไม่ได้ข้อสรุปเป็นเพียงข้อกล่าวหาเท่านั้น อีกทั้งถือเป็นเรื่องภายในที่ผู้บังคับบัญชาโดยตรงต้องดำเนินการ แต่วันนี้กลับมีการนำมาเปิดเผย เปิดห้องแถลงข่าวกันไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร
28 มกราคม 2553
ข่าวการศึกษา
สกอ.ให้ครูสหกิจ53 จำนวน 6,636 คน
รศ.พินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึงโครงการครูสหกิจ ว่า ในปีการศึกษา 2553 ภาคการศึกษาที่ 1 จะเป็นภาคการศึกษาสุดท้ายของโครงการครูสหกิจ โดยจะมีการจัดสรรโควต้าจำนวน 6,636 คน ซึ่งการดำเนินงานของครูสหกิจที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งตามวัตถุประสงค์โครงการ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย ยังต้องการความร่วมมือจากทุกสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารโครงการขอให้สถาบันอุดมศึกษาเน้นเรื่องตัวป้อน คือ คุณภาพของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นเรื่องของเกณฑ์การคัดเลือกต้องฝากทุกสถาบันว่าอยากได้นักศึกษาที่มีคุณภาพทั้งด้านวิชาการ ด้านความรับผิดชอบ รวมถึงความประพฤติซึ่งมีความสำคัญ เพราะโครงการนี้มีค่าตอบแทนให้ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายในการวัดผลจะมีผลต่อคุณภาพที่ตัวป้อน โดยเฉพาะตัวนักศึกษาที่ส่งไป ในการดำเนินการโครงการภาคการศึกษาสุดท้ายอยากฝากเครือข่ายสภาคณบดี และสถาบันอุดมศึกษาในการกระจายนักศึกษาลงพื้นที่ เพื่อให้โครงการนี้มีการดำเนินการครอบคลุมครบทั้ง 76 จังหวัด ที่ผ่านมามี 5 จังหวัด คือ เชียงราย สมุทรสงคราม นครนายก สระแก้ว และปราจีนบุรี ที่ไม่มีนักศึกษาในโครงการลงไป โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นรอยต่อ เช่น นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรี ทั้งนี้สถาบันอุดมศึกษาต้องมีการประสานกันในเครือข่าย และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีการส่งนักศึกษาไปเกินจำนวน
รองเลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า ในการคัดเลือกโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่จะไปฝึกสอน ควรเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนจริงๆ เนื่องจากโครงการนี้มีความตั้งใจอยากให้นักศึกษาที่มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ ลงไปยังสถานศึกษาที่มีความต้องการจริงๆ เพื่อช่วยให้ภาพของการศึกษาโดยรวมดีขึ้น ทั้งนี้เมื่อสถาบันสามารถคัดเลือกนักศึกษาและสถานศึกษาได้แล้ว ขอให้ส่งข้อมูลให้ สกอ. อย่างช้าไม่เกินวันที่ 15 เมษายน 2553 เพื่อดำเนินการในเรื่องการเบิกจ่ายได้ทัน และเมื่อการดำเนินการภาคการศึกษาสุดท้ายของโครงการสิ้นสุดลง จะมีการเก็บข้อมูลและประมวลผลการดำเนินงานทุกภาคการศึกษา เพื่อนำข้อมูลเสนอคณะกรรมการบริหารโครงการ และถ้าคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ที่ร่วมโครงการเห็นว่าดี ก็จะต้องมีประชุมประเมินสรุปผล และนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบในหลักการต่อไป
รศ.พินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าวถึงโครงการครูสหกิจ ว่า ในปีการศึกษา 2553 ภาคการศึกษาที่ 1 จะเป็นภาคการศึกษาสุดท้ายของโครงการครูสหกิจ โดยจะมีการจัดสรรโควต้าจำนวน 6,636 คน ซึ่งการดำเนินงานของครูสหกิจที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่งตามวัตถุประสงค์โครงการ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย ยังต้องการความร่วมมือจากทุกสถาบันที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้คณะกรรมการบริหารโครงการขอให้สถาบันอุดมศึกษาเน้นเรื่องตัวป้อน คือ คุณภาพของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ดังนั้นเรื่องของเกณฑ์การคัดเลือกต้องฝากทุกสถาบันว่าอยากได้นักศึกษาที่มีคุณภาพทั้งด้านวิชาการ ด้านความรับผิดชอบ รวมถึงความประพฤติซึ่งมีความสำคัญ เพราะโครงการนี้มีค่าตอบแทนให้ในทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เป้าหมายในการวัดผลจะมีผลต่อคุณภาพที่ตัวป้อน โดยเฉพาะตัวนักศึกษาที่ส่งไป ในการดำเนินการโครงการภาคการศึกษาสุดท้ายอยากฝากเครือข่ายสภาคณบดี และสถาบันอุดมศึกษาในการกระจายนักศึกษาลงพื้นที่ เพื่อให้โครงการนี้มีการดำเนินการครอบคลุมครบทั้ง 76 จังหวัด ที่ผ่านมามี 5 จังหวัด คือ เชียงราย สมุทรสงคราม นครนายก สระแก้ว และปราจีนบุรี ที่ไม่มีนักศึกษาในโครงการลงไป โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นรอยต่อ เช่น นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรี ทั้งนี้สถาบันอุดมศึกษาต้องมีการประสานกันในเครือข่าย และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีการส่งนักศึกษาไปเกินจำนวน
รองเลขาธิการ กกอ. กล่าวต่อว่า ในการคัดเลือกโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่จะไปฝึกสอน ควรเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนจริงๆ เนื่องจากโครงการนี้มีความตั้งใจอยากให้นักศึกษาที่มีความสามารถ มีความรับผิดชอบ ลงไปยังสถานศึกษาที่มีความต้องการจริงๆ เพื่อช่วยให้ภาพของการศึกษาโดยรวมดีขึ้น ทั้งนี้เมื่อสถาบันสามารถคัดเลือกนักศึกษาและสถานศึกษาได้แล้ว ขอให้ส่งข้อมูลให้ สกอ. อย่างช้าไม่เกินวันที่ 15 เมษายน 2553 เพื่อดำเนินการในเรื่องการเบิกจ่ายได้ทัน และเมื่อการดำเนินการภาคการศึกษาสุดท้ายของโครงการสิ้นสุดลง จะมีการเก็บข้อมูลและประมวลผลการดำเนินงานทุกภาคการศึกษา เพื่อนำข้อมูลเสนอคณะกรรมการบริหารโครงการ และถ้าคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์ที่ร่วมโครงการเห็นว่าดี ก็จะต้องมีประชุมประเมินสรุปผล และนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบในหลักการต่อไป
21 มกราคม 2553
ข่าวไทยรัฐ
เฮติ-เรื่องเศร้าของโลก
ก็ถือเป็นเรื่องเศร้าครั้งใหญ่อีกครั้งของชาวโลก เมื่อตัวเลขผู้เสียชีวิตใน ประเทศเฮติ จากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปี วัดความรุนแรงได้ 7.0 ริกเตอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คนแล้ว จนเจ้าหน้าที่ฝังกันไม่ทัน
แผ่นดินไหวในเฮติครั้งนี้ รุนแรงน้องๆ แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อปี 2008 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 9 หมื่นคน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกร่วม 10 ล้านคน จนบัดนี้ยังฟื้นฟูกันไม่เสร็จ ทั้งบ้านเมืองและจิตใจของประชาชน
รัฐมนตรีมหาดไทยเฮติคาดว่า อาจมีผู้เสียชีวิต 1-2 แสนคน บาดเจ็บอีกกว่า 250,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1.5 ล้านคน ศพผู้เสียชีวิตถูกโยนใส่รถบรรทุกขนไปฝังหมู่เหมือนสุนัขข้างถนนไม่รู้วันละกี่รอบ ไม่มีการตรวจสอบชื่อเสียงเรียงนาม หรือดีเอ็นเอ เหมือนครั้งเกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่ภูเก็ต สะท้อนถึงความเจริญและล้าหลังที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เฮติ เป็นประเทศเล็กๆในหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน อยู่ทางใต้ของรัฐฟลอริดา ติดกับประเทศคิวบา มีประชากรกว่า 10 ล้านคน เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน เมืองต่างๆและเมืองหลวง "ปอร์โตแปรงซ์" จึงมีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2347 หลังสหรัฐฯไม่นาน
แม้จะได้เอกราชมาสองร้อยกว่าปี เฮติก็ยังจัดอยู่ในประเทศที่ "โง่-จน-เจ็บ" คือ มีประชาชนที่โง่เขลา เพราะการศึกษาที่ล้าหลังสุดกู่ ทำให้ประชาชนยากจนข้นแค้น เป็นประเทศที่มีการทุจริตคอรัปชันสูงสุดอันดับต้นๆของโลก ทรัพยากรธรรมชาติถูกนักการเมืองปล้นไป ไม่เหลือหลอ มีระบบการเมืองที่อ่อนแอ ไม่สามารถบริหารประเทศได้ ประธานาธิบดีที่เป็นผู้นำประเทศก็เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจเด็ดขาด ก่อให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ผลก็คือความล้มเหลวของประเทศและความเจ็บปวดของประชาชน
ใน กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ มี แหล่งสลัม ที่ชื่อ Cite'Soleit ซึ่งเป็นแหล่งสลัมที่ใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งสลัมที่ องค์การสหประชาชาติ เคยระบุว่า เป็นแหล่งสลัมที่อันตรายที่สุดในโลก
แม้ในช่วงวิกฤติแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในครั้งนี้ รัฐบาลเฮติ ก็อ่อนแอจนไม่สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้ แม้กระทั่งการบริหารจัดการเครื่องบินที่ลำเลียงข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มมาส่ง รัฐบาลเฮติก็บริหารจัดการไม่ได้ ต้องยกสนามบินกรุงปอร์โตแปรงซ์ให้กองทัพสหรัฐฯไปบริหารจัดการแทน
นี่คืออีกตัวอย่างของ ประเทศที่ล้มเหลว สังคมที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลว และ รัฐบาลที่ล้มเหลว ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาพที่โง่ จนเจ็บ ไร้การพัฒนา ประเทศหยุดนิ่งกับที่และถอยหลัง เป็นตัวอย่างที่ "คนไทย" ควรจะศึกษาเรียนรู้เอาไว้ เพราะ "คนไทยกำลังช่วยกันกัดกร่อนทำลายสังคมไทยให้ล้มเหลวลงไปทุกด้านอย่างไร้สติ" อยู่ในเวลานี้
วันนี้ทุกประเทศทั่วโลก กำลังระดมส่งเงินส่งน้ำส่งอาหารไปช่วยเหลือชาวเฮติที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ล่าสุด ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโอบามา อนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนแรกไปแล้ว 100 ล้านเหรียญ และยังเชิญอดีตผู้นำสหรัฐฯอีกสองคนคือ อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรคฝ่ายค้าน มาร่วมมือกันระดมเงินจากภาคเอกชนสหรัฐฯเพื่อช่วยเหลือเฮติอีกแรง
ประธานาธิบดีโอบามา ตั้งชื่อกองทุนว่า Clinton Bush Haiti Fund กองทุนคลินตันบุชเพื่อเฮติ โดยไม่ใส่ชื่อตัวเองเข้าไปด้วยเพื่อหวังหาเสียงแต่อย่างใด
ประเด็นที่น่าชื่นชมสำหรับผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโอบามา ที่ผมคิดว่า "นักการเมืองไทย" ควรยึดถือเป็น "แบบอย่างที่ดี" ที่ควรปฏิบัติตามก็คือ ในการช่วยเหลือเฮติครั้งนี้ โอบามา ถือโอกาสเรียกร้องให้ "อเมริการวมกันเป็นหนึ่ง" America stands united เพื่อให้ ชาวอเมริกันรวมน้ำใจกันช่วยเหลือชาวเฮติ ไม่แบ่งพรรคเขาพรรคเรา เหมือน "การเมืองใจแคบ" ในบ้านเรา
ผมชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ เพราะทุกลมหายใจเข้าออก เขาคิดถึงความเป็นหนึ่งในบ้านเมือง ไม่ใช่คิดให้บ้านเมืองแตกแยก เพื่อประโยชน์ ตัวเอง เมื่อไรคนไทยและนักการเมืองจะมีความคิดเพื่อบ้านเมืองอย่างนี้บ้างครับ.
ก็ถือเป็นเรื่องเศร้าครั้งใหญ่อีกครั้งของชาวโลก เมื่อตัวเลขผู้เสียชีวิตใน ประเทศเฮติ จากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปี วัดความรุนแรงได้ 7.0 ริกเตอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 50,000 คนแล้ว จนเจ้าหน้าที่ฝังกันไม่ทัน
แผ่นดินไหวในเฮติครั้งนี้ รุนแรงน้องๆ แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อปี 2008 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 9 หมื่นคน ไร้ที่อยู่อาศัยอีกร่วม 10 ล้านคน จนบัดนี้ยังฟื้นฟูกันไม่เสร็จ ทั้งบ้านเมืองและจิตใจของประชาชน
รัฐมนตรีมหาดไทยเฮติคาดว่า อาจมีผู้เสียชีวิต 1-2 แสนคน บาดเจ็บอีกกว่า 250,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 1.5 ล้านคน ศพผู้เสียชีวิตถูกโยนใส่รถบรรทุกขนไปฝังหมู่เหมือนสุนัขข้างถนนไม่รู้วันละกี่รอบ ไม่มีการตรวจสอบชื่อเสียงเรียงนาม หรือดีเอ็นเอ เหมือนครั้งเกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่ภูเก็ต สะท้อนถึงความเจริญและล้าหลังที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
เฮติ เป็นประเทศเล็กๆในหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน อยู่ทางใต้ของรัฐฟลอริดา ติดกับประเทศคิวบา มีประชากรกว่า 10 ล้านคน เคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน เมืองต่างๆและเมืองหลวง "ปอร์โตแปรงซ์" จึงมีชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2347 หลังสหรัฐฯไม่นาน
แม้จะได้เอกราชมาสองร้อยกว่าปี เฮติก็ยังจัดอยู่ในประเทศที่ "โง่-จน-เจ็บ" คือ มีประชาชนที่โง่เขลา เพราะการศึกษาที่ล้าหลังสุดกู่ ทำให้ประชาชนยากจนข้นแค้น เป็นประเทศที่มีการทุจริตคอรัปชันสูงสุดอันดับต้นๆของโลก ทรัพยากรธรรมชาติถูกนักการเมืองปล้นไป ไม่เหลือหลอ มีระบบการเมืองที่อ่อนแอ ไม่สามารถบริหารประเทศได้ ประธานาธิบดีที่เป็นผู้นำประเทศก็เป็นเพียงหุ่นเชิดที่ไม่มีอำนาจเด็ดขาด ก่อให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า ผลก็คือความล้มเหลวของประเทศและความเจ็บปวดของประชาชน
ใน กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ มี แหล่งสลัม ที่ชื่อ Cite'Soleit ซึ่งเป็นแหล่งสลัมที่ใหญ่ที่สุด และเป็นแหล่งสลัมที่ องค์การสหประชาชาติ เคยระบุว่า เป็นแหล่งสลัมที่อันตรายที่สุดในโลก
แม้ในช่วงวิกฤติแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในครั้งนี้ รัฐบาลเฮติ ก็อ่อนแอจนไม่สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้ แม้กระทั่งการบริหารจัดการเครื่องบินที่ลำเลียงข้าวปลาอาหารและน้ำดื่มมาส่ง รัฐบาลเฮติก็บริหารจัดการไม่ได้ ต้องยกสนามบินกรุงปอร์โตแปรงซ์ให้กองทัพสหรัฐฯไปบริหารจัดการแทน
นี่คืออีกตัวอย่างของ ประเทศที่ล้มเหลว สังคมที่ล้มเหลว การเมืองที่ล้มเหลว และ รัฐบาลที่ล้มเหลว ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาพที่โง่ จนเจ็บ ไร้การพัฒนา ประเทศหยุดนิ่งกับที่และถอยหลัง เป็นตัวอย่างที่ "คนไทย" ควรจะศึกษาเรียนรู้เอาไว้ เพราะ "คนไทยกำลังช่วยกันกัดกร่อนทำลายสังคมไทยให้ล้มเหลวลงไปทุกด้านอย่างไร้สติ" อยู่ในเวลานี้
วันนี้ทุกประเทศทั่วโลก กำลังระดมส่งเงินส่งน้ำส่งอาหารไปช่วยเหลือชาวเฮติที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ล่าสุด ผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโอบามา อนุมัติเงินช่วยเหลือก้อนแรกไปแล้ว 100 ล้านเหรียญ และยังเชิญอดีตผู้นำสหรัฐฯอีกสองคนคือ อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และ อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรคฝ่ายค้าน มาร่วมมือกันระดมเงินจากภาคเอกชนสหรัฐฯเพื่อช่วยเหลือเฮติอีกแรง
ประธานาธิบดีโอบามา ตั้งชื่อกองทุนว่า Clinton Bush Haiti Fund กองทุนคลินตันบุชเพื่อเฮติ โดยไม่ใส่ชื่อตัวเองเข้าไปด้วยเพื่อหวังหาเสียงแต่อย่างใด
ประเด็นที่น่าชื่นชมสำหรับผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโอบามา ที่ผมคิดว่า "นักการเมืองไทย" ควรยึดถือเป็น "แบบอย่างที่ดี" ที่ควรปฏิบัติตามก็คือ ในการช่วยเหลือเฮติครั้งนี้ โอบามา ถือโอกาสเรียกร้องให้ "อเมริการวมกันเป็นหนึ่ง" America stands united เพื่อให้ ชาวอเมริกันรวมน้ำใจกันช่วยเหลือชาวเฮติ ไม่แบ่งพรรคเขาพรรคเรา เหมือน "การเมืองใจแคบ" ในบ้านเรา
ผมชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ เพราะทุกลมหายใจเข้าออก เขาคิดถึงความเป็นหนึ่งในบ้านเมือง ไม่ใช่คิดให้บ้านเมืองแตกแยก เพื่อประโยชน์ ตัวเอง เมื่อไรคนไทยและนักการเมืองจะมีความคิดเพื่อบ้านเมืองอย่างนี้บ้างครับ.
ข่าวเศรษฐกิจ
บลจ.ไอเอ็นจีคลอด “กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส 6M1” ชูผลตอบแทน 1.10%-1.20% รองรับนักลงทุนพักเงินช่วงสั้น
บลจ.ไอเอ็นจี คลอด “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส 6M1” เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในต่างประเทศผสมกับตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อลดความผันผวน โดยมีอายุเฉลี่ย 6 เดือน ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 1.10%-1.20% ต่อปี มั่นใจกระแสตอบรับดี เหตุนักลงทุนหาแหล่งพักเงินระยะสั้น รอทิศทางดอกเบี้ยชัดเจน หลังประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศ เริ่มขยับขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง จากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัว เสนอขายช่วง IPO จนถึงวันที่ 26 ม.ค.นี้ จองขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
พาณิชย์ รณรงค์บริโภคไข่ไก่ทั่วประเทศม.ค.-ก.พ. หวังแก้ปัญหาราคาตกต่ำ
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ทั่วประเทศตลอดเดือนม.ค.-ก.พ.นี้ เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ตกต่ำ
บลจ.ไอเอ็นจี คลอด “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ตราสารหนี้ระยะสั้น พลัส 6M1” เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในต่างประเทศผสมกับตราสารหนี้ในประเทศ เพื่อลดความผันผวน โดยมีอายุเฉลี่ย 6 เดือน ผลตอบแทนอยู่ในระดับ 1.10%-1.20% ต่อปี มั่นใจกระแสตอบรับดี เหตุนักลงทุนหาแหล่งพักเงินระยะสั้น รอทิศทางดอกเบี้ยชัดเจน หลังประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศ เริ่มขยับขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง จากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัว เสนอขายช่วง IPO จนถึงวันที่ 26 ม.ค.นี้ จองขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท
พาณิชย์ รณรงค์บริโภคไข่ไก่ทั่วประเทศม.ค.-ก.พ. หวังแก้ปัญหาราคาตกต่ำ
น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการรณรงค์การบริโภคไข่ไก่ทั่วประเทศตลอดเดือนม.ค.-ก.พ.นี้ เพื่อแก้ปัญหาไข่ไก่ตกต่ำ
ข่าวฟุตบอล
ฟุตบอลอังกฤษ
‘อาร์เซน่อล’ พลิกกลับมาชนะ ‘โบลตัน’ 4-2 ทะยานขึ้นมารั้งจ่าฝูง
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือน โบลตัน เริ่ม เกมขึ้นมา 7 นาที กองเชียร์ปืนใหญ่ต้องเงียบกริบกันทั้งสนาม เมื่อ โบลตัน ได้ประตูออกนำ 1-0 จากความผิดพลาดเองของแนวรับเจ้าถิ่น ที่เคลียร์ลูกโยนของ โบลตัน ไม่ขาด โดยจังหวะสุดท้าย กาแอล กลิชี่ บอมบ์โด่งขึ้นฟ้าแต่ไม่ไปไหน เควิน เดวี่ส์ เลยโหม่งเช็ดให้ แกรี่ เคฮิลล์ ที่เติมขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว กดด้วยซ้ายเสียบตาข่ายไม่เหลือ [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลยูฟ่า
‘ลิเวอร์พูล’ แพ้ ‘ฟิออเรนตินา’ คาบ้าน, ‘อาร์เซนอล’ บุกพ่าย ‘โอลิมเปียกอส’
ผลการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ประจำคืนวันพุธ เป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มในกลุ่มอี-เอช ผลงานของตัวแทนจากอังกฤษ ปรากฏว่า ในกลุ่ม อี ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านต่อ ฟิออเรนตินา 1-2 ขณะที่ ในกลุ่มเอช อาร์เซนอล บุกไปถูกเจ้าถิ่น โอลิมเปียกอส เฉือนชนะ 1-0 [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลอิตาลี
‘ยูเวนตุส’ ถล่ม ‘ซามพ์โดเรีย’ 5-1, ‘มิลาน’ โดนตีเสมอทดเจ็บ
ศึกฟุตบอล กัลโชเซเรีย เอ อิตาลี ประจำวันพุธที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เกมที่น่าสนใจ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ทีมอันดับ 3 ของตาราง เปิดรัง สตาดิโอ โอลิมปิโก ในเมืองตูริน รับการมาเยือนของ “ลาซามพ์” ซามพ์โดเรีย ทีมรองจ่าฝูง [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลสเปน
‘บาเลนเซีย’ เฉือนหวิว, ‘บียาร์เรอัล’ ถล่ม ‘เตเนริเฟ’ 5-0
ศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา “มาลากา” ทีมอันดับบ๊วยของตาราง เปิดรัง เอสตาดิโอ ลา โรซาเลดา รับการมาเยือนของ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย ทีมอันดับ 4 ของตาราง [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลรอบโลก
‘แองโกลา’ เสมอ ‘แอลจีเรีย’ 0-0 กอดคอเข้ารอบ
ศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแองโกลา ประจำวันจันทร์ ที่18 ม.ค. 2553 ทีมชาติแองโกลา เจ้าภาพ ลงสนามนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 พบ แอลจีเรีย [อ่านต่อ...]
‘อาร์เซน่อล’ พลิกกลับมาชนะ ‘โบลตัน’ 4-2 ทะยานขึ้นมารั้งจ่าฝูง
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล เปิดสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รับการมาเยือน โบลตัน เริ่ม เกมขึ้นมา 7 นาที กองเชียร์ปืนใหญ่ต้องเงียบกริบกันทั้งสนาม เมื่อ โบลตัน ได้ประตูออกนำ 1-0 จากความผิดพลาดเองของแนวรับเจ้าถิ่น ที่เคลียร์ลูกโยนของ โบลตัน ไม่ขาด โดยจังหวะสุดท้าย กาแอล กลิชี่ บอมบ์โด่งขึ้นฟ้าแต่ไม่ไปไหน เควิน เดวี่ส์ เลยโหม่งเช็ดให้ แกรี่ เคฮิลล์ ที่เติมขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว กดด้วยซ้ายเสียบตาข่ายไม่เหลือ [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลยูฟ่า
‘ลิเวอร์พูล’ แพ้ ‘ฟิออเรนตินา’ คาบ้าน, ‘อาร์เซนอล’ บุกพ่าย ‘โอลิมเปียกอส’
ผลการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ประจำคืนวันพุธ เป็นการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มในกลุ่มอี-เอช ผลงานของตัวแทนจากอังกฤษ ปรากฏว่า ในกลุ่ม อี ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านต่อ ฟิออเรนตินา 1-2 ขณะที่ ในกลุ่มเอช อาร์เซนอล บุกไปถูกเจ้าถิ่น โอลิมเปียกอส เฉือนชนะ 1-0 [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลอิตาลี
‘ยูเวนตุส’ ถล่ม ‘ซามพ์โดเรีย’ 5-1, ‘มิลาน’ โดนตีเสมอทดเจ็บ
ศึกฟุตบอล กัลโชเซเรีย เอ อิตาลี ประจำวันพุธที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา เกมที่น่าสนใจ “ม้าลาย” ยูเวนตุส ทีมอันดับ 3 ของตาราง เปิดรัง สตาดิโอ โอลิมปิโก ในเมืองตูริน รับการมาเยือนของ “ลาซามพ์” ซามพ์โดเรีย ทีมรองจ่าฝูง [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลสเปน
‘บาเลนเซีย’ เฉือนหวิว, ‘บียาร์เรอัล’ ถล่ม ‘เตเนริเฟ’ 5-0
ศึกฟุตบอล ลาลีกา สเปน ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา “มาลากา” ทีมอันดับบ๊วยของตาราง เปิดรัง เอสตาดิโอ ลา โรซาเลดา รับการมาเยือนของ “ไอ้ค้างคาว” บาเลนเซีย ทีมอันดับ 4 ของตาราง [อ่านต่อ...]
ฟุตบอลรอบโลก
‘แองโกลา’ เสมอ ‘แอลจีเรีย’ 0-0 กอดคอเข้ารอบ
ศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 รอบสุดท้าย ที่ประเทศแองโกลา ประจำวันจันทร์ ที่18 ม.ค. 2553 ทีมชาติแองโกลา เจ้าภาพ ลงสนามนัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ 2010 พบ แอลจีเรีย [อ่านต่อ...]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)